คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
1.
ความหมายของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ปัจจุบันมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องระหว่างคอมพิวเตอร์และการศึกษาคือ
"คอมพิวเตอร์ศึกษา" (Computer Education) หมายถึง การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์ เช่น
การเขียนภาษาโปรแกรมต่าง ๆ การผลิต การใช้ การบำรุงรักษา เครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware)
และซอฟแวร์ (Software) รวมถึงการศึกษาวิธีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อกิจการด้านต่าง
ๆ
สรุปแล้วการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
คือ การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในกิจการด้านการศึกษา ประกอบด้วยงานหลัก 4 ระบบ
1. คอมพิวเตอร์เพื่อบริหารการศึกษา (Computer
for Education Administration) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานด้านต่าง
ๆ เช่น การบริหารงานด้านการศึกษาประกอบด้วยครู ผู้เรียน และเจ้าหน้าที่บุคลากรที่เกี่ยวข้องอื่น
ๆ เป็นต้น
2. คอมพิวเตอร์เพื่อบริการการศึกษา (Computer
for Education Service) หมายถึง
การบริการการศึกษา ด้านต่าง ๆ เช่น การบริการสารสนเทศการศึกษา
3. คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน (Computer
Assisted Instruction) หมายถึง
การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆ
4. การรู้คอมพิวเตอร์ (Computer
Literacy) เป็นการศึกษา
การสอน/การฝึกอบรมเกี่ยวกับความรู้ความสามารถ
และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์โดนตรงรวมทั้งการประยุกต์ใช้ และเจตคติต่อคอมพิวเตอร์และ
ICT
2.
วัตถุประสงค์ของการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษาโดยทั่วไปมี 3
ลักษณะคือ
1.ใช้เพื่อทบทวนบทเรียน
2.ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียน
3.
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบทั่วไปของคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ
ดังนี้
1. หน่วยรับข้อมูล input Unit เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้าสู่หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
เพื่อทำการประมวลต่อไป
2. หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU
(Central Processing Unit) ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
และทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างภายในคอมพิวเตอร์
3. หน่วยแสดงผล Output Unit เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล ซึ่งมีรูปแบบการแสดงผลอยู่ 2
แบบ คือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้
4.
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
4.1. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง
การนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน
โดยที่เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด และแบบทดสอบจะถูกพัฒนาขึ้นในรูปของโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ
1) สามารถเรียนแบบการสอนได้ และ
2) มีสมรรถภาพในการรวบรวมสารสนเทศและข้อมูลต่าง ๆ
4.2. หลักการของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประกอบด้วย
1. ใช้เป็นรายบุคคล (Individualized)
ไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ออกแบบเพื่อใช้ส่วนบุคคล
นับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดีที่สุด
2. มีการตอบโต้อย่างทันที (Immediate
Feedback)
3. เป็นกระบวนการติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน (Track
Learners Process)
4. ปรับให้ทันสมัยได้ง่าย (Each
of Updating)
5. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างเหมือนคน ด้วยเหตุนี้
จึงนำมาเป็นส่วนนึ่งหรือช่วยสอนเท่านั้น
การแก้ปัญหาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรมให้สอดคล้องกับหลักจิตวิทยา
6. การเขียนโปรแกรมที่ดีต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก
5.
การวัดประเมินผลคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ในการวัดประเมินบทเรียน มีขั้นตอนในการพิจารณาอยู่
3 ขั้น คือ
1.
การประยุกต์ใช้
1.1
บทเรียนนี้ออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในหลักสูตร
วิชาอะไรและในหลักสูตรนี้
ผู้เรียนจะได้รับประโยชน์พิเศษเฉพาะ
จากบทเรียนนี้อย่างไรบ้าง
1.2
บทเรียนนี้บทบาททางการศึกษาอย่างไรบ้าง
เป็นบทเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอนโดยตรงหรือเป็นบทเรียนที่
ใช้ประกอบหรือเสริมการเรียนเท่านั้น
ถ้าบทเรียนนี้
มีบทบาทเพียงเพื่อเสริมการเรียนการสอน
มีสื่อหรือ
กิจกรรมการสอนอื่นที่ออกแบบไว้ให้บทเรียนสนับสนุนหรือไม่
1.3
บทเรียนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนนะดับใด
และผู้เรียนควรมีความรู้เบื้องต้นระดับใดและอย่างไรบ้าง
1.4
บทเรียนนี้ควรใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบใด
2.
การใช้โปรแกรม
2.1
ประสิทธิผลทางการเรียนการสอน การที่จะวัด
ประสิทธิผลทางการเรียนการสอนของบทเรียนนั้นเราจะต้อง
1)
วิเคราะห์คุณลักษณะของบทเรียน
2)
วิเคราะห์แนวปฏิบัติของครูในการใช้บทเรียนนั้น
3)
ทบทวนประสิทธิผลของบทเรียนที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรียน
2.2
การบำรุงรักษาบทเรียน ในการประเมินเกี่ยวกับการบำรุงรักษาบทเรียนนี้จะเน้นในเรื่องการปรับปรุงบทเรียน
ให้เข้ากับสภาพการสอน
ว่าทำได้หรือไม่เพียงใดทั้งนี้เนื่องจาก
มีบางบทเรียนที่เปิดโอกาสให้ครูดัดแปลงเพิ่มเติม
ตัดบางส่วนออกหรือจัดลำดับใหม่ได้
เพื่อให้ครูสามารถดัดแปลงบทเรียน
ให้สอดคล้องกับความสามารถของ
ผู้เรียนบางคนได้
2.3
ความสะดวก ความสะดวกของบทเรียนในที่นี้หมายถึง การที่เราสามารถใช้บทเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ
ได้เช่น
เล่นได้ทั้งเครื่อง XTAT และหรือจอภาพสี
3.
ราคา
การเปรียบเทียบราคาของบทเรียน
อาจจะพิจารณาได้ยากเพราะมีข้อจำกัดเช่น
เรื่องเวลา ความต้องการในการใช้บทเรียนและประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นต้น
นอกจากนั้น การผลิตบทเรียนเรื่องเดียวกันจากผู้ผลิตหลายๆ
แหล่งนั้นมีน้อย ดังนั้น
การพิจารณาเปรียบเทียบในเรื่องราคาของบทเรียนจึงอยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่ประสงค์จะใช้บทเรียนนั้นๆพิจารณาเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น